วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ชนิดของคลอโรฟิลด์

คลอโรฟิลล์ที่จำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบัน มีอยู่ 2 ชนิด คือ แบบชนิดน้ำ และ ชนิดผง (Powder)

1.คลอโรฟิลล์ชนิดน้ำ มักจะเขียนระบุว่า Liquid Alfalfa Extract หรือ สารสกัดจากอัลฟัลฟ่า หรือ ใช้คำว่า Liquid Chlorophyll ตามด้วย % ของส่วนผสมที่ระบุเนื้อคลอโรฟิลล์

ตัวอย่าง เขียนข้างขวด หรือผลิตภัณฑ์ว่า สารสกัดจากอัลฟัลฟ่า 0.85 %” หรือ “ Liquid Alfalfa Extract 0.85 %” หมายถึง ผลิตภัณฑ์นั้น มีสารคลอโรฟิลล์อยู่ 0.85 ส่วน ที่เหลืออีก 99.15 ส่วน เป็นสารประกอบเพิ่มเติม อาจจะเป็นสารประกอบ เช่น น้ำ หรือสารพวกน้ำมันเรซิติน ซึ่งแล้วแต่ผลิตภัณฑ์


2.คลอโรฟิลล์ชนิดผง (POWDER) มักจะเขียนระบุว่า โซเดียมคอปเปอร์คลอโรฟิลล์ลิน (Sodium copper chlorophyllin) “ หรือ คอปเปอร์คลอโรฟิลล์ลิน (copper chlorophyllin) “ และตามด้วย % ของส่วนผสมที่ระบุเนื้อคลอโรฟิลล์

ตัวอย่าง
เขียนข้างขวด หรือผลิตภัณฑ์ว่า คอปเปอร์คลอโรฟิลล์ลิน (copper chlorophyllin) 1.59 % “ หมายถึง ผลิตภัณฑ์นั้น มีสารคลอโรฟิลล์อยู่ 1.59 ส่วน ที่เหลืออีก 98.41 ส่วน เป็นสารประกอบเพิ่มเติม อาจจะมีสารประกอบมากว่า 1 อย่าง เช่น แป้ง ซึ่งแล้วแต่ผลิตภัณฑ์นั้นจะผสม คลอโรฟิลล์ชนิดนี้เมื่อผสมน้ำแล้วจะมีการตกตะกอนนอนก้นเมื่อทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่งให้ลองทดสอบตั้งไว้ดู ส่วนประกอบที่ไม่สามารถรวมตัวเป็นเนื้อเดียวกับน้ำ จะตกตะกอนนอนก้นให้เห็น

คลอโรฟิลล์ที่จำหน่ายในปัจจุบัน และมีขายในท้องตลาด มีความบริสุทธิ์อยู่ที่ประมาณ 1 - 2 % (สามารถสังเกตที่ฉลากข้างผลิตภัณฑ์เนื่องจาก มาตรฐาน อย. ต้องระบุปริมาณ ความบริสุทธิ์ของผลิตภัณฑ์ )
หากไม่แน่ใจว่าคลอโรฟิลล์ที่ท่านใช้อยู่มีส่วนประกอบของสารอื่นผสมอยู่หรือไม่ การทดสอบอย่างง่ายที่สุดในขั้นแรกให้ลองตั้งทิ้งไว้โดยใช้เวลานานๆ 1 – 2 อาทิตย์ หากมีตะกอนนอนก้นในภาชนะก็หมายถึงคลอโรฟิลล์ที่ท่านใช้เป็นคลอโรฟิลล์ผสมแน่นอน เนื่องจากสารประกอบของสารอื่นไม่สามารถรวมตัวเข้าเป็นเนื้อเดียวกับน้ำได้ จึงแยกออกมาเป็นชั้นของ คลอโรฟิลล์ (น้ำสีเขียว) + สารประกอบ (ตะกอนนอนก้นขุ่นๆ คล้ายคราบตะไคร่น้ำ) ลองทดสอบดูจะหมดข้อสงสัย เฉพาะในกรณีผู้ป่วยโรคตับ หรือโรคไตทำงานไม่ปกติ ห้ามใช้คลอโรฟิลล์ชนิดที่มีการตกตะกอนในน้ำอย่างเด็ดขาด และไม่สามารถหยอดตาได้เพราะจะเป็นอันตราย

องค์การอาหารและยาสหรัฐจึงให้การรับรองเฉพาะคลอโรฟิลล์ที่ละลายน้ำได้ (WATER SOLUBLE CHLOROPHYLL) เท่านั้นว่าปลอดภัยต่อการบริโภคของคน ถึงแม้ว่าจะบริโภคในปริมาณมากต่อวัน ก็ไม่เกิดผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด แต่จะมีผลในเรื่องของความสิ้นเปลืองเนื่องจากคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์มีราคาแพงมากในปัจจุบัน

คลอโรฟิลล์ ของ De Souza ต้องมีความบริสุทธิ์ไม่ต่ำกว่า 98 % (คลอโรฟิลล์ที่ใช้ในทางการแพทย์ทั่วโลกยอมรับต้องมีความบริสุทธิ์ไม่ต่ำกว่า 95 % ตามมาตรฐาน FDA)

คลอโรฟิลล์ชนิดละลายน้ำได้ จะดูดซึมได้ทันทีในกระเพาะอาหาร ในกรณีที่ร่างกายใช้ไม่หมด จะถูกขับทิ้งไปทางระบบขับถ่ายไม่สะสมไว้ในร่างกายผิดกับคลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายในไขมัน จะไม่ถูกดูดซึมที่กระเพาะอาหารแต่จะย่อยและดูดซึมได้ในลำไส้เล็ก คลอโรฟิลล์ชนิดนี้เมื่อร่างกายใช้ไม่หมดจะถูกส่งไปสะสมไว้ที่ตับ (Liver) ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคเมื่อบริโภคติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

ติดต่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญคลอโรฟิลล์
Tel:083-0340025 | LineID: chet111
www.Alfalfa.igetweb.com | FB.com/AlfalfaThaiQuality | www.AlfalfaThai.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น