วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สิ่งที่ควรที่ควรหลีกเลี่ยงในการบริโภค ?

·  น้ำอัดลม
น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ประกอบไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำตาลทราย และกรดฟอสฟอริก (Phosphoric Acid> อันตรายของน้ำอัดลมนั้นเมื่อเราดื่มเข้าไป ร่างกายของเราจะรับเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กรดฟอสฟอริก และน้ำตาลเข้าไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งทั้ง 3 อย่างมีผลต่อค่าพีเอช (PH) ของเลือด โดยจะทำให้ค่าพีเอช (PH ) ต่ำลง ซึ่งหมายความว่า เลือดของคุณจะมีความเป็นกรดสูงขึ้น ค่าพีเอช (PH) ของเลือดที่เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยก็สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงตามมาได้ และเพื่อแก้ไขความผิดปกติดังกล่าวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ร่างกายจึงมีระบบการป้องกันความปลอดภัย โดยการดึงเอาแคลเซี่ยมที่เก็บสะสมไว้มาช่วยปรับค่าพีเอช (PH) ของเลือดและเนื้อเยื่อให้กลับมาอยู่ในสภาพปกติ การดึงเอาแคลเซี่ยมที่สะสมอยู่ออกมาใช้งาน ร่างกายของคุณจะถูกบังคับให้ใช้พลังงานแคลเซี่ยมจำนวนมากไปกับการพยายามปรับค่าความเป็นกรดด่างให้กลับมาเป็นปกติ การบังคับให้ร่างกายดึงเอาแคลเซี่ยมที่สะสมไว้มาใช้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ นอกจากร่างกายของคุณจะไม่สามารถเยียวยาตัวมันเองได้อย่างเต็มที่แล้ว คุณยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนเนื่องจากร่างกายขาดแคลเซี่ยม

·  น้ำตาลทรายขาว
น้ำตาลทรายขาว หรือน้ำตาลซูโครส (Sucrose) ก่อให้เกิดกรดขึ้นภายในร่างกายได้ในเวลาอันรวดเร็วและรุนแรง และยังดึงสารอาหารที่จำเป็นที่ร่างกายสะสมไว้ออกมาใช้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น การดื่มน้ำหวาน 1 แก้ว ซึ่งมีน้ำตาลอยู่ 9 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายขาวนี้จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และทำให้เลือดมีสภาพเป็นกรดจนถึงขีดสุดอย่างรวดเร็ว หากปราศจากระบบป้องกันตัวของร่างกายที่สร้างขึ้นเองตามธรรมชาติ คุณอาจเสียชีวิตได้ในเวลาไม่กี่นาที เพื่อจะทำให้ค่าพีเอช (PH) ของเลือดมีค่าความเป็นกรดด่างตามปกติ คุณต้องดื่มน้ำในปริมาณถึง 32 แก้วอย่างรวดเร็ว แต่ความเป็นจริงไม่มีใครสามารถดื่มน้ำในปริมาณที่มากมายขนาดนั้นในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นเพื่อขจัดปัญหาดังกล่าว ร่างกายจึงมีระบบป้องกันตนเองโดยการดึงเอาแคลเซี่ยมจากกระดูกและฟันในปริมาณที่มากเข้ามายังกระแสเลือด เพื่อปรับเลือดที่มีความเป็นกรดให้มีความเป็นกลาง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ คุณยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนเนื่องจากร่างกายขาดแคลเซี่ยม เช่นกัน
แต่ที่อันตรายอย่างมากก็คือ น้ำตาลทรายขาวยังมีอันตรายจากผงฟอกขาวอีกด้วย ถ้าจำเป็นต้องบริโภคควรเลี่ยงไปใช้น้ำตาลทรายแดงในการบริโภคแทน

·  ผงชูรส
ผงชูรส หรือ โมโนโซเดียมกลูตาเมต (Monosodium Glutamate) หรือ MSG เป็นสารที่ใช้เพิ่มรสชาติของอาหาร องค์ประกอบหลักของผงชูรส คือ กรดอะมิโน ที่มีชื่อว่า "กรดกลูตามิก" หรือ "กลูตาเมต" บางท่านอาจเคยมีอาการชาตามมือ และร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น ใบหน้า และรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก บางครั้งอาจมีผื่นแดงขึ้นตามตัว อาการเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันดีในนาม โรคภัตตาคารจีน (Chinese Restaurant Syndrome) หรือโรคแพ้ผงชูรส
นอกจากจะมีอาการข้างต้นแล้ว หากรับประทานอาหารที่มีปริมาณผงชูรสในปริมาณที่มาก เป็นประจำย่อมเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนี้
ทำลายระบบประสาทตา สายตาเสียหรือเกิดตาบอดได้
ทำลายกระดูก และไขกระดูก ซึ่งผลิตเม็ดเลือดแดงในร่างกาย อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้ ทำให้วิตามินในร่างกายลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี 6 ทำให้เป็นโรคผิวหนังได้ง่าย
ทำลายสมองส่วนหน้าหรือไฮโปทาลามัส ทำให้การเจริญเติบโตช้า ปัญญาอ่อน และเป็นหมัน
ทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เป็นโรคประสาทได้ง่ายขึ้น
สำหรับ ผู้ที่ตั้งครรภ์ ถ้ากินผงชูรสมากๆ จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครโมโซมของทารกในครรภ์ ทำให้ร่างกายของเด็กเกิดความผิดปกติ ปากแหว่ง แขนขาพิการได้

ติดต่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) และการสมัครตัวแทนจำหน่าย
คุณหนึ่ง  โทร: 083-0340025 , LineID: Chet111
อีเมล์: AlfalfaThai@hotmail.com 
http://Alfalfa.igetweb.com 
http://fb.com/AlfalfaThaiQuality 
http://AlfalfaThai.blogspot.comwww.AlfalfaThai.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น